Pulse Generator สร้างคลื่นสัญญาณในรูปแบบต่างๆ เปรียบเสมือนรหัสคำสั่ง Nanopulser สร้างคลื่นไฟฟ้าความถี่สูงUltrasonic ด้วยกระแสไฟที่คงที่ ตลอดเวลา เพื่อช่วยให้ECU อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคทำงานได้แม่นยำตลอดเวลา ยืดอายุการใช้งานจากปัญหากระแสไฟไม่คงที่

ECU หลักการทำงานคล้าย วิทยุทรานซิสเตอร์ มีการรับส่งสัญญาณ เพื่อถอดรหัสเป็นคำสั่ง ชุดคำสั่งถูกเก็บไว้ในRAM ROM คล้ายCPUคอมพิวเตอร์ ECUได้รับสัญญาณเข้าที่ถูกส่งมาจากตัวรับรู้
ตัวรับรู้อาจส่งสัญญาณเป็นแรงเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ หรือรวดเร็วในรูปแบบที่เป็นคลื่นสัญญาณต่าง ๆ เรียกว่า พัลส์ (Pulses) เช่นคลื่นรูปสี่เหลี่ยม (Square Wave) คลื่นรูปไซน์ (Sine Wave) คลื่นรูปฟันเลื่อย (Sawtooth Wave)
ตัวรับรู้บางแบบส่งแรงเคลื่อนไปที่ ECU แต่บางแบบอาจต่อไฟฟ้าให้ลงดิน (Ground) Sensor มีหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับให้ ECU แล้ว ECU ก็จะแปลงคลื่นสัญญาณนี้ให้เป็น Digital (Analog-to-Digital Converter =ADC) คือการเปลี่ยนคลื่นสัญญาณให้มีสถานะเป็น 0 (ปิด) กับ 1 (เปิด) เพื่อกำจัดสิ่งรบกวน (noise) และง่ายต่อการนำไปประมวลผล

(Sensors) เช่น ตัวรับรู้ELD (Electrical Load Detector)การตรวจภาระกระแสไฟ (ประโยชน์ ELD มีไว้ ส่งสัญญาณ ให้ ECU รู้ว่า ขณะนี้ เครื่องยนต์มีภาระมากขึ้น เนื่องจาก มีการใช้กระแสไฟภายในระบบ มากขึ้น หรือไดชาร์ทต้องทำงานหนักขึ้น )
Nanopulser Battery Conditioner เป็นวงจรcircuit pulse generator (สามารถกดลิงค์เข้าชมรายละเอียดการจดสิทธิบัตรโลก นวัตกรรมรายเดียวของโลก WO2005/083830)
Nanopulser นอกจากช่วยให้ECU อุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคทำงานได้แม่นยำตลอดเวลา ยืดอายุการใช้งานจากปัญหากระแสไฟไม่คงที่ ยังช่วยยืดอายุแบตเตอร์รี่มากกว่า2เท่า จากการสลายตะกั่วซัลเฟตที่แผ่นธาตุให้สะอาด ทำให้แบตเตอร์รี่เก็บไฟได้ดี
Nanopulserสร้างคลื่นความถี่สูงถึง20,000Hz  มีMOSFETSเป็นสวิทซ์ควบคุมการไหลของอิเลคตรอน ที่ทำงานได้รวดเร็วกว่าและมีปัญหาเรื่องความร้อนน้อยกว่าทรานซิสเตอร์      ใช้กระแสไฟเพียง0.025แอมป์ จะช่วยให้ เซมิคอนดักเตอร์ ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน
(วงจรระบบพัลส์ทั่วๆไป ต่างกันตรงที่ ความถี่ทางไฟฟ้า(Frequency Electricity) และกระแสไฟฟ้า)
การพัฒนาการที่สำคัญของวงการอิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1940 หลังจากที่หลอดสุญญากาศแสดงบทบาท ในฐานะอุปกรณ์ควบคุมในเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายมาร่วม 3 ทศวรรษ โดยโอลห์ (Russell Shoemake Ohl) ค้นพบว่าผลึกซิลิกอนสามารถจะนำมาสร้างเป็นอุปกรณ์ไดโอดได้ ซึ่งนำไปสู่การคิดค้นทรานซิสเตอร์ของ ชอคลี (William Bradford Schockley) แบรตเทน (Walter H. Brattain) และ บาร์ดีน (John Bardeen)
ในปี ค.ศ. 1948 หลังจากนั้นอุปกรณ์พวกสารกึ่งตัวนำได้เริ่มเข้ามาแทนที่หลอดสุญญากาศ ทำให้เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ มีขนาดเล็กลงและราคาถูกลงมากต่อมาได้มีแนวคิด ที่จะทำให้อุปกรณ์ รวมทั้งวงจร ถูกยุบรวมเข้าไปบนสารกึ่งตัวนำที่เป็นชิ้นเดียว และแล้ว ในปี
ค.ศ. 1959 เออร์นี (Jean Hoerni) และ นอยซ์ (Robert Noyce) ก็สามารถพัฒนาแผงวงจรรวมดังกล่าว (Integrated Circuit หรือ IC) ได้สำเร็จ จำนวนของทรานซิสเตอร์ซึ่งบรรจุบนแผ่นวงจรรวม(IC) เรียกว่า ไมโครชิฟMicrochip) และเพียงปีเดียวเท่านั้นแผงวงจรรวมดังกล่าวก็เข้าไปแทนที่อุปกรณ์สารกึ่งตัวนำแบบแยกส่วนถึง 90% เลยที่เดียว ในช่วงต้นๆ ของทศวรรษ 1960 นั้น วงจรรวมยังไม่มีความซับซ้อนมาก โดยอาจมีทรานซิสเตอร์ประมาณ 20-200 ตัวต่อแผ่นชิพหนึ่งแผ่น และเพิ่มขึ้นมาเป็น 200-5000 ตัวในช่วงปี 1970 ปัจจุบันนี้เรามีแผงวงจรรวมที่มีทรานซิสเตอร์นับล้านตัวเลยทีเดียว
(ภาพวงจรรวม จากIBM) การลดขนาดของทรานซิสเตอร์ สามารถเพิ่มจำนวนทรานซิสเตอร์บนแผงวงจรรวม (IC) ขนาดของทรานซิสเตอร์จากขนาดระดับมิลลิเมตร ปัจจุบันมีขนาดเพียง 0.13ไมโครเมตร ทรานซิสเตอร์มีหน้าที่ในการควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้า
NanoMicrochipไมโครชิฟ ของNANOPULSER เป็นเทคโนโลยีที่แก้ปัญหาของแผงวงจรรวมที่ผลิตจากซิลิกอน(ทราย) ซึ่งมีปัญหาการหลุดของอิเลคตรอน เกิดการรบกวนกันระหว่างทรานซิสเตอร์ ซึ่งอยู่ใกล้กันในระดับ0.05ไมครอนของวงจร


NanopulserTechnology should be shared with the worldNanopulserผลิตด้วยเทคโนโลยีไมโครชิพ เริ่มออกแบบต้นแบบตั้งแต่ปี1998 ได้วิจัยและพัฒนามากว่า17ปี จึงมั่นใจในคุณภาพของนวัตกรรมรายเดียวของโลก 

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Ancient stone bridge สะพานกำปงกะได สะพานหินโบราณ หลักฐานที่ ยืนยันความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของอาณาจักรขอม

Supersale3x เกมส์ธุรกิจ ลิขิตอนาคต ต้นหอม เคียงพิม นักธุรกิจวัย6ขวบ จากการเล่นเกมส์ธุรกิจด้วยเงินปลอม มาสู่เงินจริง

Soccer Genesis ปฐมนิเทศน์ โครงการทุนฟุตบอลเยาวชนเฉลิมพระเกียรติองค์ราชัน ปีที่2