โรคที่เกิดจากสาเหตุการบริโภคน้ำตาล ใกล้เคียงกับ การดื่มสุรา

ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อมูล จึงไม่ได้ป้องกันภัยจาก
การบริโภคน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกาย








"ร่างกายมีกลไก เตือนการดื่มสุรา เมื่อเมามากเราก็หยุดดื่ม  แต่ ร่างกายไม่มีกลไกเตือนการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป"


ในน้ำตาล(Sucrose ) ประกอบด้วยน้ำตาลglucose และน้ำตาลfructose"

ร่างกายมีกลไกป้องกันglucose เมื่อเรารับประทานได้พอเพียง
สมองจะรับรู้ว่าอิ่มแล้ว
(insulin เป็นตัวส่งสัญญาณ)

แต่น้ำตาลfructose ร่างกายไม่มีกลไกป้องกัน(insulin ไม่สามารถเป็นตัวส่งสัญญาณ)
fructose จะถูกส่งไปที่ตับเท่านั้น ที่เผาผลาญได้

ร่างกายต้องใช้ฟอสเฟต เกิดเป็นกรดยูริก( uric acid) ขับออกทางปัสสาวะ
"หากมากเกินไป ทำให้เกิดโรคเก๊าท์(gout)และ

ความดันโลหิตสูง(hypertention)
ซึ่งfructoseจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมัน ไขมันที่เป็นปัญหาคือLDL-Bที่เกาะติดผนังเส้นเลือด


ดังนั้นต้นเหตุปัญหาคือ การบริโภคน้ำตาลเกินความต้องการ ทำให้

1.ตับ เปลี่ยนน้ำตาลfructoseมาก ส่งผลต่อ โรคเก๊าท์(gout) ความดันโลหิตสูง(hypertention)
หรือ "ตับทำงานผิดปรกติ" " ไม่ยอมหยุดสร้างน้ำตาล"  เป็น"การซ้ำเติม"
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่แล้ว ยิ่งสูงขึ้น2ทาง ทั้งจากตับและจากอาหาร

2. ตับอ่อน ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน"ไม่เพียงพอ"  ในการนำน้ำตาลกลูโคสไปยังเซลล์
 เนื่องจากทำงานหนักจนล้าหรือเสื่อม  เพราะการบริโภคน้ำตาลเกินความต้องการ
 ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เรียกว่า โรคเบาหวานชนิดที่1

3.เซลล์  เกิด"ภาวะดื้อ"อินซูลิน  ทำให้ไม่สามารถนำน้ำตาลกลูโคสไปยังเซลล์ได้อย่างสมดุลย์
ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เรียกว่า โรคเบาหวานชนิดที่2
โรคเบาหวานชนิดที่ ๒ มีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคคือ 
น้ำหนักเกินและอ้วน ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง
"ภาวะดื้อ"อินซูลิน เป็นต้นเหตุของ โรคหลอดเลือดแดง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง (แม้จะไม่พบเบาหวาน)
ขาดการออกกำลังกาย  การรับประทานอาหารไม่ถูกสัดส่วน หวาน /มัน /เค็มเกิน (Unhealthy diet)อายุที่เพิ่มขึ้น 



8โรคสำคัญได้แก่ 

โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension)

2.กล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial infarction) หรือบางทีเรียกว่า Heart attack
3.โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
4.ตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
5.น้ำหนักตัวเกิน และโรคอ้วน (Overweight and obesity)
6.โรคตับอักเสบ NASH คือ การมีไขมันในเนื้อตับ ร่วมกับการอักเสบ( hepatic dysfunction (NASH) ) ฯล


                    เพชฌฆาตเงียบ เฉลี่ย ๘ วินาทีต่อ ๑ คน 

จากข้อมูลสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติ
(international diabetes federation : IDF) ได้รายงานว่าในปัจจุบันทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคเบาหวาน
๔ ล้านคนต่อปี
 เฉลี่ย ๘ วินาทีต่อ ๑ คน สำหรับผู้เป็นเบาหวานพบมากกว่า ๓๐๐ ล้านคน

"เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานบางรายไม่ทราบว่าเป็นโรคเบาหวาน 
จึงไม่ได้ดูแลตนเองให้ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ 
ซึ่งการที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน 
จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อเท้า ไต ตา
ระบบประสาท หัวใจและหลอดเลือดสมอง และทำให้เกิดอาการป่วยและตายก่อนวัยอันสมควร"

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย ได้กำหนดคำขวัญ วันเบาหวานโลก ปี ๒๕๕๔ ที่ใช้ในการรณรงค์ คือ
“รวมพลัง ลดเสี่ยง เลี่ยงเบาหวาน”เพื่อประชาสัมพันธ์ที่การให้ความรู้และการป้องกันโรคเบาหวาน โดยใช้ key
messages๗
 ดังนี้
- โรคเบาหวานเพชฌฆาตเงียบ คร่า ๑ ชีวิต
ทุก ๘ วินาที
-อย่ามองข้ามทุก ๑ ปี ๑ ล้านเท้าถูกตัดเพราะ

เบาหวาน 

ดังนั้น ปัญหาคือ ไม่มีกลไกป้องกัน  เมื่อเราเข้าใจต้นเหตุของปัญหา การป้องกันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป



โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Satun Unesco Global Geopark อุทยานธรณีโลกจังหวัดสตูล สถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก แห่งแรกของไทย

masjid in satun มัสยิดธรรมประทีปห้วยน้ำดำ